กฎการลงเสียงหนักภาษาสเปนแบบรวบรัด
วิธีการลงเสียงหนักเป็นบทที่ค่อนข้างยากและค่อนข้างมีกฎที่ต้องคำนึงถึงหลายข้อเลยค่ะ ถือว่าเป็นบทเรียนที่สำคัญเพราะตำแหน่งการลงเสียงหนักก็มีผลต่อความหมายของคำด้วย
แต่ถึงแม้จะเป็นเรื่องสำคัญก็ยังเป็นเรื่องที่ต่อให้ไม่เข้าใจเรื่องนี้ก็ยังพอจะเข้าใจภาษาสเปนเบื้องต้นได้อยู่ดี ดังนั้นค่อยๆ เรียนรู้ไปได้ค่ะ
ที่เราบอกแบบนี้เพราะเวลาเราไปคุยกับเจ้าของภาษา (ที่ไม่ใช่ครูสอนภาษา) ก็ไม่ได้ใช้ tilde ถูกต้องกันทุกคน แม้แต่ v กับ b ยังใช้สลับกันเยอะแยะไป ดังนั้นไม่ต้องกังวลว่าตัวเองจะใช้ผิด หรือ ลืมใส่ tilde ในบางคำนะคะ
การลงเสียงหนักคืออะไร
การลงเสียงหนัก "Acentuación" ในภาษาสเปน จะให้เทียบก็คงคล้ายๆ กับการเน้นเสียง หรือการ stress เสียงที่มีในหลายๆ ภาษาเช่น ภาษาอังกฤษ หรือภาษาญี่ปุ่นค่ะ
ในบทเรียนภาษาสเปนที่มีคำอ่านกำกับ อาจจะชอบแทนพยางค์ที่ต้องลงเสียงหนักด้วย "ไม้โท" หรือ "ไม้ตรี" ในภาษาไทย แต่เทคนิคส่วนตัวของเราก็คือ เราจะพูดพยางค์อื่นๆ ตามปกติ แต่จะพูดพยางค์ที่เราลงเสียงหนักด้วยการพูดแบบเกือบตะโกน (555) ก็จะออกมาเหมือนมีการเน้นเสียงพยางค์นั้นเองค่ะ
แต่ในภาษาสเปนการเน้นเสียงอาจจะยากกว่าเล็กน้อยตรงที่ภาษาสเปนจะมีบางคำที่เขียนเหมือนกัน แต่ลงเสียงหนักคนละพยางค์ก็จะได้คำที่มีความหมายต่างกันไปเลย ดังนั้นตำแหน่งของพยางค์ที่เน้นเสียงหนักจึงสำคัญต่อความหมายของคำแต่ละคำในภาษาสเปนมากๆ เลยค่ะ
วิธีนับพยางค์ในภาษาสเปน
ก่อนจะนับพยางค์เรามาดูรู้จักสระเสียงหนัก (fuerte) และ สระเสียงเบา (débil) ว่ามีอะไรบ้างกันก่อนนะคะ
Fuerte - > a e o
Débil - > i u (รวมถึงตัว y ที่อยู่ในรูปสระด้วยค่ะ)
ถ้าเป็นสระอยู่เดี่ยวๆ เราก็จะนับเป็น 1 พยางค์ได้เลยง่ายๆ แต่เมื่อสระ 2 ตัวมาอยู่ติดกัน การนับพยางค์ก็จะมีกฎหลักๆ อยู่ 2 แบบก็คือ
1. Diptongo หรือ คำควบ
นับเป็นแค่พยางค์เดียวค่ะ และคำที่เป็น diptongo ก็คือคำที่ใช้สระอยู่ในกฎ ต่อไปนี้
débil (ไม่มี tilde กำกับ) + fuerte
หรือ fuerte + débil (ไม่มี tilde กำกับ)
หรือ débil (ไม่มี tilde กำกับ) + débil (ไม่มี tilde กำกับ)
ในที่นี้ไม่จำเป็นว่าสระ fuerte จะมี acento หรือ เครื่องหมาย tilde หรือไม่ แต่สระ débil ห้ามมีเครื่องหมายเด็ดขาดค่ะ
ถ้าเข้ากฎเกณฑ์ตามนี้ก็นับเป็นคำควบพยางค์เดียวได้เลยค่ะ
2. Vocales en hiato
สระที่อยู่ติดกันที่ไม่เข้ากฎเกณฑ์ในข้อ 1 ก็จะนับแยกพยางค์ค่ะ เช่น
fuerte + fuerte
หรือ débil (มี tilde) + fuerte
หรือ fuerte + débil (มี tilde)
เหมือนกับกับกฎข้อเมื่อกี้คือ ไม่จำเป็นว่าสระ fuerte จะมี acento หรือ tilde หรือมั๊ย แต่ถ้าเมื่อไร สระ debil มีเครื่องหมาย tilde ก็ต้องนับแยกพยางค์กันค่ะ
ในที่นี้ตัว u ที่ไม่ออกเสียง เช่น qu, gu ไม่นับเป็นสระนะคะ อ่านเพิ่มเติมเรื่องการออกเสียงภาษาสเปนได้ที่นี่ค่ะ
Tilde คืออะไรและใช้เมื่อไร
ในหัวข้อที่แล้ว เรามีพูดถึงเครื่องหมาย tilde หมายถึงเครื่องหมายขีดที่เราจะใส่บนสระที่เราต้องการลงเสียงหนักค่ะ นั่นก็คือ á é í ó ú
ดังนั้นถ้าเราเจอเครื่องหมาย tilde ก็ออกเสียงหนักที่พยางค์นั้นได้เลย แต่อย่างไรก็ตาม tilde ก็ไม่ได้มีอยู่ในทุกคำศัพท์ในภาษาสเปน ดังนั้นเราต้องไปดูกฎการลงเสียงหนักอีก ในหัวข้อถัดไปค่ะ
กฎการลงเสียงหนัก
ในการลงเสียงหนัก จะมีกฎ 3 ข้อตามนี้ค่ะ
1. คำที่ลงท้ายด้วย ตัวอักษร n, s และ คำที่ลงท้ายด้วยสระ ( ไม่รวม y อย่าสับสนกับกฎคำควบนะคะ)
คำที่เข้าตามเกณฑ์เหล่านี้ เราจะลงเสียงหนักที่พยางค์รองสุดท้าย เช่น
Niña
Domingo
Palabras
2. คำที่ลงท้ายด้วยพยัญชนะทั้งหมด ไม่รวม n, s
Reloj
Español
Universidad
3. คำที่มีเครื่องหมาย tilde
บางคำมีการลงเสียงหนัก ไม่เป็นไปตามเกณฑ์ 2 ข้อข้างบน ก็จะใช้เครื่องหมาย tilde กำกับไว้ที่พยางค์ที่ต้องลงเสียงหนักค่ะ เช่น
Pantalón
Papá
Sábado
สำหรับคำที่มี tilde กับ ไม่มี tilde แล้วมีความหมายไม่เหมือนกัน เราจะเขียนในโอกาสหน้านะคะ
สรุป
- การลงเสียงหนักมีผลต่อความหมายของคำศัพท์ แต่ถึงยังไม่เข้าใจเรื่องนี้ดี ก็ยังพอจะเข้าใจภาษาสเปนเบื้องต้นได้ค่ะ
- Acentuación ก็คือการ stress หรือ เน้น ที่พยางค์ใดพยางค์หนึ่งของคำนั่นเองค่ะ
- กฎการลงเสียงหนักจะขึ้นอยู่กับพยางค์ของคำ ดังนั้นต้องนับพยางค์ให้เป็นก่อนนะคะ
- เครื่องหมาย tilde เป็นตัวกำหนดตำแหน่งที่ต้องลงเสียงหนัก แต่บางคำอาจจะไม่มีเครื่องหมายนี้ ก็จะต้องไปดูกฎการลงเสียงหนักอีกทีค่ะ
- กฎการลงเสียงหนักจะขึ้นอยู่กับตัวอักษรลงท้ายคำ ถ้าเป็นสระ หรือตัว n, s ให้เน้นที่พยางค์รองสุดท้าย แต่ถ้าไม่ใช่ให้ลงที่พยางค์สุดท้ายค่ะ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น